มีคนบอกไว้ว่า "ถ้าดูเรื่องไหนไม่รู้เรื่อง แปลว่ามันถูกสร้างมาให้เราดูไม่รู้เรื่อง ไม่ต้องพยายามไปเข้าใจมันแต่จับความรู้สึกของเราให้ได้ว่าตอนดูเรารู้สึกอย่างไร"
ก็นึกถึงหนังเรื่องแรกที่ดูแล้วงงขี้แตก คงไม่พ้นหนังของหว่อง กา ไว ด้วยความเลือดร้อนแบบเด็กรุ่นวัยมัธยมต้นก็เปิดหนังหว่องดูโดยไม่รู้สี่รู้แปด Chungking Express รู้แค่ว่าหลินชิงเสีย เล่นเรื่องนี้แล้วฉันจะดูเรื่องนี้
ผลที่ได้รับคือดนตรีดี นักแสดงดี พร้อมความงงขี้แตกเพราะเข้าไม่ถึงเปิดวนกี่รอบก็ไม่เก็ท..ไม่เข้าใจตัวละคร ไม่รู้เลยว่าคืออะไร ทุกการกระทำของตัวละครนั้นช่างแสนคาใจเหลือเกิน กลายเป็นชอบมาก เพระมันแปลกดี ทำให้เรางงแบบมีชั้นเชิง หาอ่านแล้วก็ได้คำตอบแค่ว่า "มันคือความเหงา"
พอเลื่อนไปดู Ashes of Time เพราะหลินชิงเสียอีกเหมือนเดิม ก็งงหนักเข้าไปอีกไม่รู้เรื่องกว่า Chungking Express ที่ยังพอทำความเข้าใจได้ ถ้าพูดในเชิงฟิสิกส์ก็เหมือนพื้นที่และเวลาหายไปจากการคำนวณ คล้าย ๆ กับกำลังดูละครแอบเสิร์ด ทำไมแก่ช่างต่างจากหนังจีนกำลังภายในเรื่องอื่นขนาดนี้!? งงจนต้องไปหาอ่านใหม่ ก็ได้คำตอบเดิม "มันคือความเหงา"
อ่านไปก็ให้รู้แต่ไม่เข้าใจ สุดท้ายก็เลิกอ่านไปเอง กลับไปดูอะไรที่รู้เรื่องดีกว่าแต่ก็ลืมไม่ลงอีกเลย ทั้งหนังและชื่อผู้กำกับกลายเป็นความคาใจแรกแห่งการดู เป็นการเปิดประตูต้อนรับสู่อีกขั้นโลกภาพยนตร์อย่างเป็นทางการ เป็นวัคซีนที่ถูกฉีดเพื่อหนังแนวเหนือธรรมชาติอีกหลายเรื่องที่ตามมา ดูไม่รู้เรื่องแต่ยกย่องว่าดี
จนผ่านไปหลายปี โตขึ้นมาหน่อยก็คว้า In the Mood for Love ขึ้นมาดู หลังดองไว้หลายปีเพราะด้วยชื่อผู้กำกับเลยกลัวว่าจะยังไม่พร้อมดูแล้วเดี๋ยวมางงขี้อตกอีก ก็เป็นไปตามคาด งงจริง ๆ แต่รู้สึกว่าดูง่ายกว่าที่เคยดู พองงแล้วไม่พยายามทำความเข้าใจด้วยโดยเฉพาะกับตอนจบของเรื่อง แต่ชอบมาก ดูแล้วเก็ทความรู้สึกตัวละครก็เหมือนผ่านแบบทดสอบแล้ว
ดูครั้งเดียวแล้วยังไม่คิดดูซ้ำอีกเลย ปล่อยให้มันเข้าใจด้วยความรู้สึก มันสนุก มันสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยวเหงาของตัวละครจับขั้วหัวใจ ความโล่งกว้างของพื้นที่และการมีอยู่ของสองสสารตัวละคร Mood&Tone ของเรื่อง ยิ่งภาพเคลื่อนผ่านแต่ละวินาทีก็ยิ่งอิน พอขำก็เป็นตลกร้ายขึ้นมาทันที กลายเป็นว่าทุกความเข้าที่ได้รับมาตอนนั้นก็เป็นเพราะอารมณ์ความรู้สึกล้วน ๆ
สงสัยจะตั้งชื่อเรื่องให้เหมาะกับวิธีดู
เหนือสิ่งอื่นได้ Costume เริ่ดมาก
กลายเป็นหนังที่ตั้งใจจะไม่กลับไปดูซ้ำอีกจนกว่าจะลืมความรู้สึกเสียหมดสิ้นเพราะกลัวว่าความรู้สึกสุดท้ายที่ยังค้างเติ่งจะไปทำลายรสชาติใหม่ที่ถูกปรุงแต่งไปแล้วว่าดี จนเสียของได้
และทุกวันนี้ก็ยังไม่กลับไปดู Chungking Express ยังงงอยู่เท่าเดิมและยินดีที่จะงงต่อไป
และบทสรุปสุดท้ายใจความของเรื่องที่ต้องการจะบอกก็คือ "หลินชิงเสียสวยมาก!"
Kogar
0 ความคิดเห็น