ไม่มีชื่อเรื่องที่ 5


เขาอยู่ที่เกาะ เหมือนเป็นเกาะที่ไม่มีวันหลับไหล ด้วยงานเทศกาลที่ถูกดำเนินไปตลอดทั้งวันและคืน แต่กลับไม่ครั่นครื้นด้วยเสียงดนตรีออกจะเงียบเชียบเสียด้วยซ้ำไป ผู้คนหลั่งไหลขึ้นท่ามาครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่เคยมีใครออกไปจากที่นี่ พวกเขาไม่ได้อยู่ แต่ก็เหมือนไม่ได้หายไปไหน 

        แค่มา

        ที่นี่อาจจะเป็นนิวซีแลนด์ก็ได้ เขาคิด จากตำแหน่งที่เขาอยู่ จากสำนึกที่เขารับรู้ เขายืนอยู่ระหว่างท่าเรือและหันหลังให้กับงานเทศกาล มองดูนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาจากเรือที่เขาไม่มีตั๋วขึ้นด้วยความนึกน้อยใจ เขากลางแผนที่ที่วางไว้ตรงทางเข้างานเทศกาล ดูเกาะใหญ่ข้าง ๆ คงจะเป็นออสเตรเลียถ้าไปถึงได้เขาก็จะสามารถกลับแผนดินใหญ่ที่เขารู้สึกเสมอว่าเป็นบ้านเกิดได้ แต่ทุกครั้งที่ถามผู้คนกลับไม่มีใครรู้จักออสเตรเลีย ทั้งที่นักท่องเที่ยวที่ทยอยขึ้นจากเรือมาในทุกวันเหมือนจะมาจากที่นั่น ผิวขาวและเส้นผมสีทอง แต่กลับไม่มีใครรู้จักออสเตรเลีย ไม่มีใครสนใจจะรู้ว่านักท่องเที่ยวที่ขึ้นเกาะมาครั้งแล้วครั้งเล่าเดินทางมาจากไหนและจะไปที่ไหนหรือว่ากลับไปได้อย่างไรและเมื่อไหร่

        เขาไม่ใช่คนที่นี่ และไม่ใช่คนพวกเดียวกับนักท่องเที่ยว เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงอยู่ที่นี่ แต่ผู้คนที่นี่รู้จักเขาและเขาก็รู้จักหลายคนที่นี่ คงเหมือนว่าเขาจะอยู่มาแล้วสักพักใหญ่แต่ทว่าจำไม่ได้

        "ฉันจะกลับบ้าน" เขาบอกกับเพื่อนที่เขาจำได้ว่ายังรู้จักกันแต่แค่ไม่รู้ว่าชื่ออะไร ขณะต่อแถวรอเล่นเกมยิงปืนในงานเทศกาล

        "เป็นไปไม่ได้" เพื่อนของเขาว่าอย่างขำขัน

        ขณะยืนมองผู้ชายคนก่อนหน้ายิงปืนด้วยท่าทางช่ำชอง เขาก็กลับคิดว่าจะถูกคนอื่นจับได้หากมีใครรู้ว่าเขากำลังออกทะเล เดินทางออกจากเกาะ พิลึก ที่เขาก็ไม่รู้ว่าจะกลัวทำไม เมื่อมันไม่มีอะไรให้  กลัว เขาแค่ไม่อยากให้มีใครรู้

        พอถึงรอบของเขาการยิงปืนก็ดูเป็นเรื่องยากขึ้นมาทันที ทั้งที่เขาก็ทำไม่ต่างจากผู้ชายคนก่อนหน้า แต่เหมือนปืนกลับทรยศเขา ทำงานได้ไม่เต็มที่แบบตอนที่ผู้ชายคนนั้นยิง มันทำเขาหงุดหงิดและสับสน เขาอยู่ในตำแหน่งที่ไกลที่สุดในการยิง ข้างหน้าเขามีผู้หญิงสามคนยืนอยู่ในจุดยิงที่ระยะสั้นกว่า เขาไม่เห็นรู้เลยว่ามันมีจุดนั้นด้วย ผู้หญิงสามคนยิงเข้าเป้าครั้งแล้วครั้งเล่า พวกเธอหัวเราะกันคิกคัก แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงยิงปืนไม่ได้จากจุดนี้ เหมือนผู้ชายคนนัั้น เขาไม่อยากขยับเข้าไปจุดเดียวกับที่ผู้หญิงสามคนนั้นยืน แม้มันอาจจะทำให้เขายิ่งง่ายขึ้น แต่มันก็ดูจะง่ายเกินไป

        ปืนนั้นคงจะไม่มีลูกอีกแล้ว

        เขาเลิกเล่นเกมนั้นแล้วเดินไปตามทางในงานเทศกาล มันควรจะรื่นเริงแต่กลับเงียบเหงา ค่ำแล้วและมืดมิด ไร้หมู่ดาวเหลือเพียงแสงจากคบเพลิงข้างทาง เขาไม่่รู้ว่าเขากำลังจะไปไหนเหมือนที่ข้างหน้าปรากฏเส้นทางที่ดำมืด เขาถอนหายใจด้วยความหงุดหงิด เขารู้สึกโกรธและไม่สบอารมณ์ เขาเดินวนอยู่ที่เดิมมาสามรอบแล้วแต่ก็ยังไม่ขยับไปไหน

        เขาตัดสินใจใช้เวลาอีกนิดหน่อย เดินตระเวนไปทั่วงานเทศกาลโดยไม่มีการวางแผน เก็บเกี่ยวทุกอย่างที่เขาได้มาแล้วรีบไปขึ้นแพที่เขาสร้างไว้เองก่อนจะรุ่งสาง

        แพลำเล็กสานขึ้นจากไม้ไผ่ ใช้ผ้าใบสีดำเป็นหลังคาเพื่อเขาจะได้อยู่ในความมืดระหว่างการเดินทาง เขาซ่อนมันไว้ในป่าหลังต้นไม้เขตร้อนชื้น เท้าข้างหนึ่งเขาอยู่บนแพแล้วและเขาไม่แน่ใจเสียเลยว่าควรจะออกทะเลไหม เพราะเขายังไม่พร้อม แต่เขาก็กลัวว่าถ้าไม่ไปตอนนี้ คนอื่น ๆ ก็จะรู้ตัวว่าเขากำลังทำอะไร

        ขณะกำลังตัดสินใจ เพื่อนของเขาก็ตามมา เพื่อนของเขาพาใครคนอื่นอีกคนมาด้วย ผู้หญิง ผู้ชาย เขาจำไม่ได้แต่แน่ใจว่าใครคนนั้นเคยเป็นเพื่อนเขาคนหนึ่งด้วยเหมือนกัน เพียงแต่เหมือนไม่เคยคุยกัน

        คนเยอะเกินไป เขาคิด หากรั้งเวลาอีกนิด คงมีคนรู้เยอะกว่านี้ เขายอมให้เป็นแบบนั้นไม่ได้ เขาจึงตัดสินใจก้าวเท้าขึ้นแพออกเดินทางทั้งที่เขาไม่พร้อม เพื่อนของเขาและเพื่อนของเพื่อนเขาที่เขาคิดว่าเคยเป็นเพื่อนเขาก็โดดก้าวขึ้นแพมาพร้อมกันด้วย

        เขาค่อย ๆ ดันแพออกจากริมฝั่ง สามชีวิตล่องลอยไปตามกระแสน้ำอย่างไร้จุดหมาย สายลมเย็นรุนแรงปะทะมาครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดคืนจนสว่าง ท้องฟ้าเป็นสีเทาด้วยม่านหมอกบรรยากาศแตกต่างจากบนเกาะลิบลับ เขาไม่รู้ว่าทั้งสามคนได้ลอยมาไกลแค่ไหนเพราะรอบข้างก็เต็มไปด้วยหมอกหนาทับไม่ต่างจากที่มันปกคลุมพระอาทิตย์ไว้ พวกเขาเลยซ่อนตัวอยู่ใต้ผ้าใบที่ทำไว้เป็นหลังคา มันคงห่างไกลไปในที่ ๆ เขาไม่รู้จัก

        "เรากำลังไปทางซ้าย เห็นแนวเกาะนั่นไหม" เพื่อนของเขาพูด

        เขาตกใจ มันไม่ใช่เส้นทางที่เขาวางแผนไว้ เขาควรจะไปอีกทาง ไปออสเตรเลีย แต่เขากลับกำลังถูกชัดไปกลางทะเลคว้าง เพื่อนเขาไม่รู้ว่าเขากลำพูดถึงอะไร ออสเตรเลีย ไม่มีใครมองเห็นหรือรู้จักมันทั้งที่มันอยู่ตรงนั้น แต่ทุกคนเห็นเกาะทางซ้าย พวกเขาเชื่อว่ามันมีจริงและมันก็คือเกาะเดียวกันกับที่พวกเขาจากมานั่นแหละ เขาไม่เสี่ยงอธิบายสิ่งที่เพื่อนเขามองไม่เห็น เขาเลยเก็บออสเตรเลียไว้เป็นความลับและรอให้แพของพวกเขาหลุดออกไปจากแนวหมู่เกาะด้วยความไม่สบายใจ

        เขาคิดว่าเขากินนอนอยู่บนเรือนั่นมาสามวันแล้วเป็นอย่างต่ำ เสบียงที่เตรียมไว้ค่อย ๆ หร่อยหรอตามไปทุกที หลังจากถูกพัดในยามกลางคืน พวกเขาก็แทบจะหยุดนิ่งอยู่บนน้ำ แม้เรี่ยวแรงกำลังจะหมดแต่เขายังชวนเพื่อนอีกสองคนควักน้ำล่องแพออกไป เหนื่อยสิ้นแรงและสูญเปล่า แต่เขาเชื่อว่ามาไกลเกินจะหันหลังกลับ เขาดันทุรังอยู่อย่างนั้นสักห้าหรือหกวันก่อนจะตัดสินใจหันหลังกลับ

        เขาบอกกับเพื่อน "เราควรกลับไปตั้งหลัก" ก่อนยิ่งออกไปไกลเกินควรอย่างไร้ทิศทาง ตอนนี้อาจลอยคว้างอยู่กลางมหาสมุทร ซึ่งมันคงไม่ดีแน่ พวกเขาอาจตายได้

        เพื่อนของเขาทำสีหน้าเหนื่อยล้าและเห็นด้วย "นั่นสิ ฉันสงสัยว่าเรามาเหนื่อยกันทำไมเนี่ย"

        เขาถอนใจ

        ทั้งสามคนพากันควักน้ำหาทางกลับไปยังฝั่ง สามอึกใจเท่านั้น เขาเพิ่งรู้ ม่านหมอกหนาหลอกตาเขาไว้ เขาไม่เคยไปไกลจากแนวเกาะเกินสามอึดใจ สามอึดใจฝั่งของเกาะที่เขาจากมาก็โผล่ขึ้นตรงหน้าเหมือนเขาไม่เคยจากมันไปไหน

        ผู้ชายคนหนึ่งที่คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวอยู่ตรงท่าเห็นเขาก็รีบตะโกนโบกมือเรียกด้วยความดีใจ "นึกว่าจะลอยอยู่ตรงนั้นไม่ยอมกลับเข้าฝั่งแล้ว"

        เขาได้ยินก็รู้สึกโกรธและอับอาย มันน่าอับอายที่แพเขาไม่เคยขยับไปไหน มันหมายความว่าเขาไม่เคยขยับไปไหนจริง ๆ เขาคิดไว้แล้วไม่มีผิด แต่น่าอับอาย เขาเลยลากแพของเขาไปไว้ที่ท่าจอดเรือ ซ่อนไว้หลังเรือลำใหญ่ของเหล่านักท่องเที่ยวแล้วแอบขึ้นฝั่งไปโดยไม่ยอมให้ใครเห็นอีก

        เพื่อนของเขาขอแยกตัวออกไป แต่ทิ้งเพื่อนของเพื่อนคนนี้เอาไว้ เขาจึงพาเพื่อนใหม่เดินไปหาที่หลบซ่อนเพราะยังรู้สึกอับอายจนไม่อยากถูกใครจับได้ คอยมองดูนักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาจากเรือกลุ่มแล้วกลุ่มเหล่าเป็นร้อย ๆ คน  จนผู้หญิงคนหนึ่งเห็นเขากับเพื่อน

        เธอทักทายเขาด้วยความเป็นกันเอง ดูสบาย ๆ เหมือนเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่ นักท่องเที่ยวหญิงคนนั้นเดินแยกออกมาจากลุ่มนักท่องเที่ยว แล้วให้ของขวัญกับเพื่อนของเขา เธอเอ็นดูพวกเขาทั้งคู่ส่งยิ้มให้ โบกมือก่อนจะจากไป สมเป็นนักท่องเที่ยว เขาหงุดหงิดนิดหน่อยที่โดนสังเกตเห็น

        เขาหลบออกจากท่าเรือ ขอแยกตัวจากเพื่อนใหม่ตกลงว่าจะมาพกันที่เดิมก่อนหายเข้าไปในงานเทศกาล ตามหาแผนที่ฉบับเดิมมากางดู ไม่ว่าจะมองมันอีกกี่ครั้งเขาก็ยังเห็นออสเตรเลียอยู่ตรงนั้น เขาลากเส้นจากตรงที่เขาอยู่ไปจนถึงเกาะนั่น ออสเตรเลีย เขาตั้งใจจะล่องแพไปตามแนวเส้นสมมุติที่เขาลาก แต่เขาต้องมีเข็มทิศเพื่อจะได้ไม่หลงทางอีก

        เขาเดินตระเวนเล่นเกมไปทั่วงานเทศกาล เพื่อหารางวัลที่อาจจะได้มาเป็นเข็มทิศ เขาต้องยอมรับว่าตลอดทั้งวันจนค่ำ เขาได้แต่ของไร้สาระ ไม่มีของรางวัลไหนใช้งานได้เลยสักชิ้น มันดูสวยงามล่อตา แต่เต็มไปด้วยขยะจนเขาไม่กล้าจะเอาขึ้นแพ สุดท้ายเขาก็ยอมแพ้เดินเข้าร้านแผงลอยขายเข็มทิศ

        เขาหงุดหงิดอีกครั้ง เมื่อเขาเลือกเข็มทิศอันหนึ่ง คนขายก็พยายามยัดเยียดอีกอันหนึ่งให้เขาเสมอ เข็มทิศแต่ละอันก็ดูเหมือนของใช้การไม่ได้ หมุนไปแต่ละทิศไม่ตรงที่เดิมสักอัน เขาคิดว่าจะเลือกอันที่ดีที่สุดที่พอจะใช้ได้ แต่มันก็ดูเหมือนของเล่นจะพังแหล่มิพังแหล่อยู่เช่นเดิม เขาหงุดหงิดกับความไม่ได้ดังใจแล้วต้องคอยยืนยันกับคนขายตลอดเวลา

        "ไม่เอาแล้ว" เขาผละถอยออกมาจากร้านแล้วเดินชนเข้ากับผู้ชายคนหนึ่ง

        ชายคนนั้นเหมือนทหารรับจ้าง เขาดูดีทีเดียวเมื่อเทียบกับคนวัยเดียวกัน

        ผู้ชายคนที่เหมือนทหารรับจ้างคนนั้นถามเขา "ตามหาอะไรอยู่หรอ"

        "เข็มทิศ คนขายเอาแต่เสนอขายของห่วย ๆ ฉันคงไม่มีวันได้ออกไปจากที่นี่ถ้ามีแต่ของห่วย ๆ แบบนั้น" เขาบ่น

        ผู้ชายคนที่เหมือนทหารับจ้างคนนั้นพูด "มาสิ ฉันจะหาให้อันหนึ่ง ที่นี่มีแต่ของใช้การไม่ได้ เธอไม่จำเป็นต้องไปง้อร้านแบบนั้นหรอก"

        เขาเดินห่างออกมาจากร้านแผงลอยขายเข็มทิศไปที่แท่นซึ่งถูกสร้างจากตอไม้ธรรมชาติ ชายที่เหมือนทหารรับจ้างตั้งศอกข้างซ้ายของเขาลงไปบนแทนนั้น "ถ้าเธอล้มฉันได้ ฉันจะให้เข็มทิศกับเธอ"

        คงไม่มีทางแน่ ๆ เพราะชายคนนั้นเหมือนคนที่ออกกำลังกายมาทั้งชีวิต ส่วนเขาเหมือนเพิ่งถูกปั้นมาจากบ่อโคลน แต่เขาก็ตั้งศอกสู้

        ทั้งคู่งัดข้อกัน ผู้ชายคนนั้นไม่ได้พยายามเอาชนะเขาเลย กลับพยายามยอมแพ้ เขาออกแรงแล้ว สู้เท่าที่สู้ไหวแต่น่าแปลกใจว่าทำไมมันไม่ยากกว่านี้ หลังปลุกปล้ำกันอยู่นาน เขาก็ชนะอย่างขาดลอย

        "เอานี่" ผู้ชายคนนั้นมอบสร้อยล๊อกเก็ตทองเหลืองแก่เขา "ฉันเคยใช้มันตลอดสมัยยังหนุ่ม ตอนนี้ฉันส่งต่อให้เธอ ดีที่สุด ทนทานที่สุด เธอจะหาแบบนี้ที่ไหนไม่ได้อีกแล้วตลอดชีวิตนี้"

        เขาเปิดล๊อกเก้ตอันเล็กนั่น แล้วพบกับภาพความทรงจำมากมายของชายตรงหน้า เพียงแค่เห็นผ่านอดีตภาพบันทึกมันก็ทำให้หัวใจของเขารู้สึกอิ่มเอมขึ้นมา เขาอยากจะขอบคุณผู้ชายคนนั้นแต่ผู้ชายคนนั้นกลับเลือกเดินหนีเขาไปต่อหน้าต่อตา

        เขาภูมิใจกับล๊อกเก็ตอันนั้น ข้างใต้ภาพเป็นเข็มทิศที่ยังใช้การได้ดียิ่งกว่าเข็มทิศอันไหน ๆ ที่เขาเคยพบ หาซื้อไม่ได้แม้แต่ในร้านแผงลอย สดชื่นเหมือนเพิ่งถูกประกอบขึ้นมาใหม่ เขาแขวนสร้อยล๊อกเก็ตนั่นเก็บไว้ที่คอ แขวนเอาไว้กับตัวระวังไม่ให้มันหายไป

        เขาเดินกลับไปตรวจดูแผนที่อีกครั้ง จดจำเส้นทางที่เขาต้องเดิน ไม่นานเขาจะได้ทั้งชีวิตมาไว้ตรงหน้า

        คืนนั้นเขากลับไปที่แพ ต่อแพเพิ่มขึ้นจากหนึ่งแพเป็นสองแพแล้วเอามาต่อกันให้ใหญ่กว่าเดิมเพื่อจะได้ไม่ต้องเบียดเสียดกันเหมือนครั้งก่อน เขารู้สึกพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้ เขาโยนของรางวัลไร้ค้าไว้ข้างใต้ผืนผ้าใบที่ทำไว้เป็นหลังคา เขาไม่มีของมีค่าอะไรอย่างอื่นอีกนอกจากตัวเขาเอง

        เขากลับไปที่ท่าเรือในเช้าอีกวันตรงจุดนัดพบ เป็นเวลาที่ดีสำหรับออกเดินทาง หนนี้เขาไม่ขลาดกลัวอีกแล้ว เขาเปิดเผยและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง เขามั่นใจยิ่งเมื่อรู้ว่ามีเข็มทิศนั่นอยู่ด้วย เขาเหม่อมองมันครั้งแล้วครั้งเล่าระหว่างรอสลับกับมองนักเที่ยวเที่ยวมากมายที่ขึ้นท่ามาเหมือนทุกวัน

        ผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว คนที่ดูท่าทางใจดี เธอกลับมาที่นี่ แต่หนนี้เหมือนเธอจะอยากอยู่นานกว่าเดิม ใบหน้าเธอยังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เธอคงจำเขาได้ เขาคิดว่าเธอจะทักเขา เขาเลยรู้สึกประหม่านิดหน่อย แต่เธอกลับเดินเข้าไปเล่นกับเด็กเล็กที่อยู่ห่างจากเขาออกไปไม่เท่าไหร่แทน ซึ่งดีแล้ว เขาเลยยืนเงียบ ๆ และพยายามหลบหน้าหลบตารอให้เธอเล่นกับเด็กคนนั้นจนเสร็จแล้วเดินขึ้นเกาะไป

        เพื่อนของเพื่อนเขาและเพื่อนของเขาชวนเพื่อนมาอีกเป็นห้าคน เขาตกใจและค่อนข้างหนักใจเมื่อได้พบคนเหล่านั้นครั้งแรก เขาไม่ได้คิดว่าจะมีคนเยอะขนาดนี้ แพที่ต่อไว้คงไม่พอ เขาไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นมาทำไม ทั้งเพื่อนของเขา เพื่อนของเพื่อนเขาและเหล่าเพื่อนของเพื่อนคนอื่น ๆ ไม่มีคนไหนรู้จักเขาสักคน เขาเองก็ไม่รู้จักใครสักคนและทุกคนก็ไม่รู้ว่าตัวเองมาที่นี่ทำไม ไม่รู้แม้กระทั้งว่าเขากำลังไปที่เกาะไหน ทุกคนแค่ยืนยันว่าต้องมา

        เขารู้สึกรำคาญแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เขาใช้เวลาอยู่แถวท่าเรือนานกว่าปกติเพื่อหวังให้พวกเพื่อน ๆ เหล่านั้นถอดใจกลับไป แต่จนแล้วจนรอดพวกเขาก็ยังอยู่ เขาพยายามเปลี่ยนใจทุกคน ให้คอยเฝ้าดูเหล่านักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาจากเรือ หลอกล่อด้วยเกมที่คิดขึ้นเองจากการเฝ้าดูผู้คนเหล่านั้น จนเขารู้สึกว่าเสียเวลามากเกินไปแล้วกับการกระทำที่ไม่มีประโยชน์ เขาจึงตัดสินใจจะไปลงแพไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แล้วออกเดินทางไปเสียตอนนั้น

        แพเล็กเกินไปเมื่อรวมพวกคนที่มาใหม่เข้าไปด้วย เขารู้สึกหนักใจอีกครั้งแล้วก็แอบเสียดายที่เมื่อคืนเขาน่าจะพยายามอีกนิดและต่อแพให้ใหญ่กว่าเดิม แต่ดูเหมือนเขาจะรีบพอใจกับผลงานเกินไปหน่อย มันเลยเล็กไปสำหรับสถานการณ์นี้

        เขาให้พวกเพื่อน ๆ หยิบไม้กับขึ้นมาคนละอัน เพื่อหวังจะต่อเติมพื้นที่ว่างบนแพเข้าไปอีก

        ทุลักทุเล ทุลักทุเลจนต้องล้มเลิก เขาเห็นแล้วก็รู้สึกทุเรศจนรับไม่ได้ พวกเขายังไม่เหมาะกับการออกเดินทางในตอนนี้ ยังไม่ใช่เวลาของพวกเขา พวกเขาต้องรอบางอย่าง ทำบางอย่าง เพื่อที่จะพร้อมแต่เขารู้แน่ ๆ ว่าไม่มีทางเกิดขึ้นได้ในตอนนี้

        เขามองเพื่อนของเขาและพวกเพื่อน ๆ ของเพื่อนเขาเหมือนเรือที่ยังไร้หางเสือ เป็นเรือที่ยังต่อไม่เสร็จ เขาไม่ถือโทษหรอก แต่มันยากเกินไปสำหรับเขาในตอนนี้ เขาไม่มีเวลาแล้วและต้องออกเดินทางมันยากที่จะบอกให้พวกเขารอ เมื่อพวกเขาเอาแต่ยืนยันหนักแน่นว่าจะไป

        เขาให้เพื่อนของเขาและเพื่อน ๆ ของเพื่อนเขาขึ้นแพไปก่อน เข้าไปตรงแพเก่าที่มีผ้าใบคลุมไว้เป็นหลังคา ทั้งห้าหกคนอัดกันเบียดเสียดเพราะพื้นที่ไม่เพียงพอ แต่เขาก็ยังยืนยันจะยัดพวกนั้นเข้าไปให้หมด ก่อนตัวเขาเองจะเดินข้ามไปที่แพด้านหลังส่วนที่เขาต่อมาใหม่

        เขาใช้ท่อนไม้ดันแพออกจากฝัง แพลำไม่ใหญ่ไม่เล็กไม่สมดุลนั้นค่อย ๆ เคลื่อนตัวอย่างช้า ๆ ไปตามลำน้ำสาหร่ายลู่สบัดส่ายไปมาก่อนออกสู่ทะเล

        พอแพเคลื่อนตัวออกมาได้ เขาก็ปลดแพทั้งสองแยกออกจากกันโดยไม่ให้ใครรู้ แล้วผลักแพของเพื่อนเขาและเพื่อน ๆ ของเพื่อนเขา ทุกคนที่เขาไม่เคยรู้จักหรือไม่เห็นแม้แต่ว่าเขากำลังจะไปไหนให้กลับไปที่ฝั่ง จากนั้นเขาก็ออกแพไปตามลำพังพร้อมความปิติในใจจนอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา เขาเดินทางไปตามเส้นทางที่เขาวางไว้ ไกลออกไปในทะเล ไกลออกไปในมหาสมุทรพร้อมกับล๊อกเก็ตเข็มทิศทองเหลืองที่เขาจะหยิบขึ้นมาดูอย่างมีกำลังใจทุกครั้งเพราะเขารู้ว่าตัวเองจะไม่มีวันได้หันหลังกลับไปบนเกาะนั่นอีกตลอดชีวิต

Kogar

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น